วันที่ 22-23 มกราคม 2568 นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม มอบหมาย นางอัญชลี ยิ่งทวีสิทธิกุล ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน นำทีมผู้ตรวจประเมินฯ จากกองส่งเสริมเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมโรงงาน พร้อมเจ้าหน้าที่กองยุทธศาสตร์และแผนงานร่วมสังเกตการณ์ การตรวจประเมินอุตสาหกรรมสีเขียว ณ โรงงานของ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ เซลล็อกซ์ จำกัด จังหวัดสมุทรปราการ ประกอบกิจการ ผลิตกระดาษอนามัย เช่น กระดาษชำระ กระดาษเช็ดหน้า กระดาษเช็ดปาก เพื่อพิจารณาต่ออายุการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 5: เครือข่ายสีเขียว (Green Network)
กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม มีภารกิจในการกำกับดูแลและส่งเสริมให้โรงงานอุตสาหกรรมดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านการส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียว ยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกันและสนับสนุนให้คู่ค้าและพันธมิตรพัฒนาอุตสาหกรรม และขยายขอบเขตของการเป็นอุตสาหกรรมสีเขียวจากภายในองค์กรออกสู่ภายนอกตลอดโซ่อุปทาน (Supply Chain)
บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ เซลล็อกซ์ จำกัด มุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีการดำเนินกิจกรรมเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง และตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 โดยผู้บริหารและพนักงานทุกระดับของบริษัทฯ มีการดำเนินกิจกรรมร่วมกันในด้านสิ่งแวดล้อมและด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ให้เป็นไปตามนโยบายขององค์กร ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
1. โครงการด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ได้แก่ การใช้พลังงานทดแทน โดยใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาอาคารสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2567
ได้ 633.45 tonCO2 การลดการใช้ทรัพยากร รวมถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าโดยใช้หลัก 7R ซึ่งประกอบด้วย Refuse, Recycle, Reuse, Refill, Repair, Return และ Reduce นําน้ำทิ้งจากกระบวนการผลิตกลับมาหมุนเวียนใช้ภายในโรงงานได้ทั้งหมด (Zero Discharge) รวมถึงการนำตะกอนจากระบบบำบัดน้ำเสียไปใช้เป็นสารปรับปรุงดินแทนการนำไปฝังกลบ เป็นต้น
2. มีการส่งเสริมคู่ค้าทางธุรกิจมุ่งสู่การปฏิบัติตามหลักการอุตสาหกรรมสีเขียว โดยการดำเนินงานกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) และให้แนวทางการวัดผลลัพธ์ทางด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร เพื่อแสดงศักยภาพเครือข่ายสีเขียว
3. มีการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน การพัฒนาชุมชน รวมถึงส่งเสริมความรู้ผ่านโครงการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการลดขยะชุมชนแยกแลกทิชชู โครงการนำของเหลือใช้สร้างมูลค่า โครงการส่งเสริมการปลูกพืชผักสวนครัว เป็นต้น ส่งผลให้ชุมชนสามารถลดปริมาณขยะได้มากกว่าร้อยละ 30 คิดเป็นค่าใช้จ่ายที่ลดลงประมาณ 50,000 บาทต่อปี
ทั้งนี้ คณะผู้ตรวจประเมินฯ ได้แนะนำให้ทบทวนการกำหนดแผนงาน เป้าหมาย และการนำไปปฏิบัติ เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงแนะนำเกี่ยวกับความปลอดภัยในสถานประกอบการ และช่องทางการขอรับการสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อีกด้วย