วันที่ 12 ธันวาคม 2567 นายพรยศ กลั่นกรอง รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ร่วมกับ เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา (สอจ.ฉะเชิงเทรา) และเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เข้าตรวจค้นโรงงานพลาสติกเถื่อน ในพื้นที่ ตำบลแหลมประดู่ อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา สืบเนื่องจาก บก.ปทส. สืบทราบว่ามีการขนย้ายกากของเสียมาจาก คลองกิ่ว ชลบุรี จึงขอหมายศาลอาญาเข้าตรวจค้นโรงงาน ซึ่งช่วงกลางปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ สอจ.ฉะเชิงเทรา ได้เข้าตรวจสอบโรงงานดังกล่าว ซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการผลิตเครื่องใช้พลาสติกโดยใช้พลาสติกที่ใช้แล้ว และคัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นของเสียอันตราย แต่ได้ตรวจพบการประกอบกิจการบดย่อย ล้าง และทำเม็ดพลาสติกจากเศษพลาสติกเก่า นอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต สอจ.ฉะเชิงเทรา จึงได้ดำเนินคดีในข้อหา ตั้งและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมให้ระงับการกระทำที่ฝ่าฝืน จากนั้นผู้ประกอบการจึงได้ดำเนินการขอใบอนุญาต และได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถรับแจ้งการประกอบกิจการได้ เนื่องจากโรงงานยังไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย
การตรวจค้นโรงงานทั้งหมด มีเจ้าของโรงงานเป็นผู้นำการตรวจค้น โดยปรากฏข้อเท็จจริง ดังนี้
1) อาคารหลังแรก พบเป็นอาคารไม้ ไม่มีการการประกอบกิจการโรงงานผลิตเครื่องใช้พลาสติกโดยใช้พลาสติกที่ใช้แล้ว ประเภทโรงงาน ลำดับที่ 53(1) พบมีเครื่องจักรหายไปจากที่ได้รับอนุญาต เหลือเพียง 225 แรงม้า จากสิทธิเดิม 934.28 แรงม้า มีการกองเก็บวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ และวัสดุที่ไม่ใช้แล้วนอกอาคารโรงงานเป็นจำนวนมาก มีการปล่อยน้ำจากกระบวนการคัดแยกลงในที่ดินข้างเคียง และพบเครื่องคัดแยกพลาสติกและเครื่องบดย่อยอยู่ภายในอาคาร
2) อาคารหลังที่ 2 ประกอบกิจการโรงงานทำเม็ดพลาสติกจากเศษพลาสติกเก่า ประเภทโรงงาน ลำดับที่ 53(9) พบมีการประกอบกิจการโรงงานโดยไม่แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบไม่น้อยกว่า 15 วันก่อนวันเริ่มประกอบกิจการโรงงานตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 มีการเพิ่มเครื่องจักรจากที่ได้รับอนุญาต เครื่องจักรมีกำลังรวม 760.92 แรงม้า สิทธิเดิม 493.51 แรงม้า เพิ่มขึ้น 267.41 แรงม้า เข้าข่ายขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีการขยายโรงงานภายในอาคารโรงงานอีกหลังหนึ่ง ประเภทโรงงาน ลำดับที่ 53(5) ความผิดตามมาตรา 12 วรรคหนึ่ง และมาตรา 12 วรรคสอง อันมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 50 แห่ง พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เจ้าหน้าที่กรมโรงงานฯ อาศัยอำนาจตามมาตรา 35(3) แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ยึดวัสดุสิ่งของ และสิ่งอื่น ๆ เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการตรวจสอบและพิสูจน์ข้อเท็จจริง
3) โรงงานประกอบกิจการทำเม็ดพลาสติกจากเศษพลาสติกเก่า มีการเพิ่มเครื่องจักรจากที่ได้รับอนุญาต เครื่องจักรมีกำลังรวม 1,171.20 แรงม้า จากสิทธิเดิม 472.12 แรงม้า กำลังเครื่องจักรเพิ่มขึ้น 699.08 แรงม้า เข้าข่ายขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ความผิดตามมาตรา 12 วรรคหนึ่ง และมาตรา 12 วรรคสอง อันมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 50 แห่ง พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการประกอบกิจการโรงงานโดยไม่แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบไม่น้อยกว่า 15 วันก่อนวันเริ่มประกอบกิจการโรงงาน
4) โรงงานประกอบกิจการทำเม็ดพลาสติกจากเศษพลาสติกเก่า มีการเพิ่มเครื่องจักรจากที่ได้รับอนุญาต เครื่องจักรมีกำลังรวม 1,651.57 แรงม้าสิทธิเดิม 494.68 แรงม้า กำลังเครื่องจักรเพิ่มขึ้น 1,156.89 แรงม้า เข้าข่ายขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
และยังพบอีกว่า โรงงาน 3 แห่ง จาก 4 ทะเบียนโรงงาน ประกอบกิจการโรงงานโดยไม่แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบไม่น้อยกว่า 15 วันก่อนวันเริ่มประกอบกิจการโรงงานตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 อันมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 51 แห่ง พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท มีการเพิ่มเครื่องจักรจากที่ได้รับอนุญาต เข้าข่ายขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีการขยายกิจการภายในอาคารโรงงานอีกหลังหนึ่งโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดตามมาตรา 12 วรรคหนึ่ง และมาตรา 12 วรรคสอง อันมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 50 แห่ง พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เจ้าหน้าที่อาศัยอำนาจตามมาตรา 35(3) แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ยึดอายัดเครื่องจักร เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการตรวจสอบและพิสูจน์ข้อเท็จจริง
จากนั้น เจ้าหน้าที่ กรอ. และ สอจ.ฉะเชิงเทรา ได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส. ได้คุมตัวเจ้าของโรงงานไปดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ณ สถานีตำรวจภูธรบ้านโพธิ์
#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #DIW #MIND #กระทรวงอุตสาหกรรม #สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา #บกปทส #กากอุตสาหกรรม #saveอุตสาหกรรมไทย