วันที่ 5 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.00 น. นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม มอบหมายให้ นางจินดา เตชะศรินทร์ ผู้อำนวยการกองกฎหมาย นางสาวศิรกาญจน์ เหลืองสกุล ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม กรมโรงงานฯ ยื่นคำให้การประกอบสำนวนร้องทุกข์กล่าวโทษ และนำพยานหลักฐานส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรกลางดง เพื่อดำเนินคดีกับบริษัท เอกอุทัย จำกัด (สาขากลางดง) ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ตามขั้นตอนของกฎหมายจนถึงที่สุด
สืบเนื่องจากนายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2566 เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง บริษัท เอกอุทัย จำกัด (สาขากลางดง) ประกอบกิจการโรงงานผลิตปูนขาว, เผาสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วในเตาเผาปูนขาว และบริเวณด้านหลังบริษัทฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ถ้ำเขาน้อย หมู่ที่ 1 ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งบริษัทฯ ใช้ในการประกอบกิจการโรงงานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ถึงปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าที่อยู่ในการควบคุมของกรมป่าไม้ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติตามรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการนำกากของเสียทดแทนในการผลิตปูนขาว ของ บริษัทฯ และผลการตรวจวิเคราะห์ของเสียที่ได้ขุดค้นและเก็บตัวอย่างไปตรวจวิเคราะห์ถึงความเป็นอันตราย บริเวณด้านหลังบริษัทฯ ด้านหน้าถ้ำเขาน้อย จำนวน 4 จุด (ตัวอย่างละ 1 จุด) ปรากฏว่า เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามบัญชี 5.2 ของเสียเคมีวัตถุ (Chemical Wastes) ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 อธิบดีกรมโรงงานฯ ตรวจสอบพบว่ามีกลิ่นเหม็นคล้ายสารเคมีจากน้ำบาดาลที่นำมาใช้ในการอุปโภค บริโภค ภายในสำนักงานเทศบาลตำบลสีมามงคล ซึ่งต่อมาสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 (นครราชสีมา) เข้าตรวจสอบพบไอระเหยของก๊าซอันตรายหลายชนิดจากน้ำบาดาลที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนผู้ใช้น้ำได้ นอกจากนี้ กรมควบคุมมลพิษ ได้ทำการตรวจสอบน้ำใต้ดินจากบ่อสังเกตการณ์ของโรงงานและบ่อน้ำใต้ดินบริเวณใกล้เคียง พบการปนเปื้อนของสารอินทรีย์ระเหยง่าย สารโลหะหนัก และสารพิษอื่นๆ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567 กรมโงงานอุตสาหกรรม พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าขุดค้นตรวจวัดและเก็บตัวอย่างกากสารเคมีในบริเวณพื้นที่ป่าไม้ด้านหลังบริษัทฯ โดย กรมทรัพยากรน้ำบาดาล นำรถขุดเจาะตรวจวัดโดย Geoprobe ทำการขุดเก็บตัวอย่าง พบการลักลอบฝังกากสารเคมี เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้เก็บตัวอย่างของแข็ง ที่มีลักษณะเป็นกากของเสียที่ปนเปื้อนไปตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ ซึ่งผลการตรวจวิเคราะห์ของเสียดังกล่าว ปรากฏว่า เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามบัญชี 5.2 ของเสียเคมีวัตถุ (Chemical Wastes) ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พร้อมกับเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลสีมามงคล ได้ดำเนินการใช้รถตักทำการขุดตักหน้าดิน โดยขุดลงไป 1 เมตรแรก พบว่ามีกลิ่นเหม็นฉุนรุนแรงพุ่งขึ้นมา ซึ่งเป็นกลิ่นสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs)
ดังนั้น จากข้อเท็จจริงดังกล่าว บริษัท เอกอุทัย จำกัด (สาขากลางดง) จังหวัดนครราชสีมา ได้กระทำความผิดฐานการมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 23 วรรคหนึ่ง อันมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 73 ประกอบมาตรา 87/2 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 237 บัญญัติว่า “ผู้ใดเอาของที่มีพิษหรือสิ่งอื่นที่น่าจะเป็นอันตรายแก่สุขภาพเจือลงในอาหาร หรือในน้ำซึ่งอยู่ในบ่อ สระ หรือที่ขังน้ำใดๆ และอาหารหรือน้ำนั้นได้มีอยู่หรือจัดไว้เพื่อประชาชนบริโภค ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 200,000 บาท” รวมถึงความผิดใน ป.อาญา มาตรา 228 และในข้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดินที่จะต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนตามมาตรา 2(8) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ในการนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม จึงเข้ายื่นคำให้การประกอบสำนวนร้องทุกข์กล่าวโทษ และนำพยานหลักฐานส่งมอบให้พนักงานสอบสวน ณ สถานีตำรวจภูธรกลางดง ในวันนี้
#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #DIW #MIND #กระทรวงอุตสาหกรรม #กากอุตสาหกรรม #เอกอุทัย #จังหวัดนครราชสีมา #กลางดง