เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566 เวลา 09.00 น. นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ลงพื้นที่โรงงาน บริษัท วิน โพรเสส จำกัด อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง เพื่อติดตามตรวจสอบการปรับปรุงแก้ไขตามคำสั่งศาล ซึ่งดำเนินการบำบัดกำจัดของเสียโดย บริษัท เอส.เค. อินเตอร์เคมิคอล จำกัด ผู้รับบำบัดกำจัดของเสียตามสัญญาว่าจ้างกับ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ในการบำบัดกำจัดของเสียที่คงเหลืออยู่ภายในโรงงานและน้ำในบ่อดิน จำนวน 5 บ่อรอบโรงงาน ตามคำพิพากษาและเงื่อนไขรายงานกระบวนพิจารณาของศาลจังหวัดระยอง โดยมีเจ้าหน้าที่ร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้ ได้แก่ นางจินดา เตชะศรินทร์ ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม นายทวี อำพาพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคตะวันออก กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ร่วมด้วย นายวิเชียร ทองด้วง อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง นายอาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 13 นายจุฑา จินดาทิพย์ ปลัดอำเภอบ้านค่าย นายคนึง ส่งกลิ่น รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางบุตร เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) และประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการประกอบการของ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด นำโดย นางดาวัลย์ จันทรหัสดี เจ้าหน้าที่อาวุโสและที่ปรึกษาชุมชนมูลนิธิบูรณะนิเวศ และ ผู้แทน บริษัท เอส.เค. อินเตอร์เคมิคอล จำกัด ทั้งนี้ ไม่มีตัวแทนหรือผู้ได้รับมอบหมายจากกรรมการของ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ในการนำตรวจพื้นที่โรงงาน จึงร้องขอให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นเป็นพยานในการตรวจสอบพื้นที่ในครั้งนี้
จากการตรวจสอบโรงงาน พบการรั่วไหลของเสียในพื้นที่โรงงาน ซึ่งเป็นของเสียที่อยู่ระหว่างรอการคัดแยกเพื่อนำไปบำบัดกำจัด อีกทั้งสภาพโดยรวมของพื้นที่โรงงานแตกต่างไปจากเดิม อาทิ พบถังเก็บสารเคมี (Intermediate Bulk Container: IBC) ขนาด 1,000 ลิตร มีกลิ่นเหม็นฉุนสารเคมี ตั้งอยู่นอกอาคารจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบของเสียที่โรงงานแห่งนี้ไม่ได้รับอนุญาต เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เข็มฉีดยา เป็นต้น รวมทั้งตรวจพบร่องรอยการคัดแยกตัดโครงเหล็กของถังเก็บสารเคมี โครงสร้างหลังคา และชิ้นส่วนรถบรรทุก ซึ่งวินโพรเสสฯ ลักลอบนำไปจำหน่าย การกระทำเช่นนี้เข้าข่ายลักทรัพย์ เนื่องจากปัจจุบัน บริษัท บริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด (Islamic Bank Asset Management Ltd. : IAM) เป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินของวินโพรเสสฯ ซึ่งได้รับโอนกรรมสิทธิ์มาจากธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (Islamic Bank of Thailand) ที่ซื้อที่ดินผ่านการขายทอดตลาด ส่วนของเสียทั้งหมดภายในโรงงานถือเป็นอำนาจของกรมโรงงานอุตสาหกรรมที่ยึดอายัดไว้และดำเนินการภายใต้คำสั่งศาลจังหวัดระยอง ขณะเดียวกันปัญหาใหม่ที่ตรวจพบคือ การบำบัดน้ำในบ่อดินที่น้ำน่าจะมีสภาพดีขึ้นแล้ว แต่กลับมีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) มีสภาพเป็นกรดเข้มข้นขึ้นกว่าเดิมจนเป็นของเสียเคมีวัตถุตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 จากข้อมูลพยานหลักฐานเบื้องต้นชี้ได้ว่าเป็นการนำของเหลวเคมีวัตถุที่มีสภาพกรดเข้มข้นที่อยู่ในอาคารปล่อยลงรางระบายน้ำไหลสู่บ่อดิน (บ่อที่ 1) ซึ่งจะดำเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ต่อมา เวลา 11.00 น. นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เข้าพบ นางสาวณมณฑ์ กาญธีรานนท์ อัยการจังหวัดระยอง เพื่อหารือแนวทางการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ทางกฎหมาย กรณีผลกระทบจากการประกอบกิจการโรงงานของ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด จังหวัดระยอง ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และชัดเจน โดยมี นางจินดา เตชะศรินทร์ ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม นายทวี อำพาพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคตะวันออก กรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมด้วย นายวิเชียร ทองด้วง อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง พ.ต.อ. วิญญู แจ่มใส ผู้กำกับการ กองกำกับการ 2 บก.ปทส. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 2 สำนักงานอัยการจังหวัดระยอง ถนนสุขุมวิท ตำบลเนินพระ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง
จากนั้น เวลา 14.30 น. นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นประธานการประชุมหารือแก้ไขปัญหาและเร่งรัดการบังคับใช้กฎหมาย กรณีผลกระทบจากการประกอบกิจการโรงงานของ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด โดยมี นายวรพงศ์ วิเศษธร หัวหน้าส่วนพัฒนาทรัพย์สิน ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน บริษัท บริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด นายจตุรงค์ วงค์สุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางบุตร เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะที่ได้ร่วมลงพื้นที่รวมถึงผู้ได้รับผลกระทบ ณ ห้องประชุม ชั้น 2 องค์การบริหารส่วนตำบลบางบุตร อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง โดยอธิบดีกรมโรงงานฯ เผยว่า จากปัญหาบ่อพักน้ำที่ชำรุดเนื่องจากฝนตกหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้น้ำปนเปื้อนสารเคมีรั่วไหลทำให้การปนเปื้อนขยายวงกว้างมากขึ้นนั้น ขอขอบคุณ นายปิยะ ปิตุเตชะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง นายวิเชียร ทองด้วง อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง และผู้เกี่ยวข้อง ในความร่วมมือจัดการซ่อมคันบ่อเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจากเหตุคันดินบ่อพักน้ำพังแตก ทำให้ลดความรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินการ บริษัท เอส.เค. อินเตอร์เคมิคอล จำกัด ได้นำของเสียบางส่วนออกไปบำบัดกำจัดตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดระยอง รวมถึงการบำบัดน้ำในบ่อดิน 4 บ่อ จำนวนกว่า 34,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งปัจจุบันน้ำในบ่อดินด้านหลังตราชั่งรถบรรทุก (บ่อที่ 4) มีค่าเป็นปกติแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีของเสียตามคำพิพากษาในอาคารที่ต้องขนไปบำบัดกำจัดอีกจำนวนมาก ซึ่งต้องกำกับดูแลให้ดำเนินการตามหลักวิชาการและแล้วเสร็จตามระยะเวลาที่บริษัทฯ ได้นำเรียนต่อศาลไว้
นายจุลพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนสะสมมานานจากการประกอบกิจการของโรงงานดังกล่าว โดยจังหวัดระยองเป็นอีกฐานการผลิตอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่พัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC (Eastern Economic Corridor) ที่ต้องเข้มงวดในการกำกับดูแลโรงงานให้ปฏิบัติตามกฎหมายดูแลสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามมาตรฐาน ทั้งนี้ มอบหมายให้ศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคตะวันออก กรมโรงงานอุตสาหกรรม ติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำภายในโรงงานและแหล่งน้ำธรรมชาติที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งจุดที่มีการปนเปื้อนพบว่าค่าความเป็นกรดด่าง (pH) ค่อนข้างต่ำ 2.4-2.8 (ค่ามาตรฐานแหล่งน้ำผิวดิน pH 5.0-9.0) โดยศูนย์วิจัยฯ จะตรวจวัดคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำอย่างต่อเนื่องเพื่อรายงานให้ทราบเป็นระยะต่อไป
#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #DIW #MIND #กระทรวงอุตสาหกรรม #อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง #กากอุตสาหกรรม #ของเสียเคมี #วินโพรเสส #บริษัทวินโพรเสสจำกัด #บริษัทเอสเคอินเตอร์เคมิคอลจำกัด #เอสเคอินเตอร์เคมิคอล #หนองพะวา