วันที่ 22 พฤษภาคม 2566 เวลา 09.30 น. นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นประธานการประชุมหารือการจัดการกากของเสีย เพื่อนำข้อมูลประกอบหลักฐานการดำเนินคดีเกี่ยวกับการลักลอบกักเก็บและเททิ้งกากอุตสาหกรรม สิ่งปฏิกูล หรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน โดยมี นายศุภกิจ บุญศิริ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นางจินดา เตชะศรินทร์ ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม นายสุนทร แก้วสว่าง ผู้อำนวยการกองกฎหมาย พันตำรวจโท ธีรพงศ์ ประจักษ์จิตร์ รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม กองบริการงานอนุญาตโรงงาน 1 และกองบริการงานอนุญาตโรงงาน 2 พร้อมด้วย ผู้แทนผู้ประกอบกิจการโรงงานจำนวน 45 โรงงาน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 509 ชั้น 5 อาคารกรมโรงงานอุตสาหกรรม
กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ตรวจพบการกระทำความผิดที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประกอบกิจการคัดแยกสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว และนำสารละลายกรด-ด่างที่ใช้แล้วมาผ่านกรรมวิธีทางอุตสาหกรรมเพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ โดยปัจจุบันโรงงานแห่งนี้ได้ถูกคำสั่งให้หยุดประกอบกิจการเป็นการชั่วคราว ซึ่งในช่วงเวลาที่โรงงานแห่งนี้เปิดรับสิ่งปฏิกูลได้เป็นห้วงเวลาเดียวกันกับการสืบพบการลักลอบกักเก็บและเททิ้งกากอุตสาหกรรมจำนวนมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา ส่วนใหญ่เป็นของเสียอันตรายที่มีฤทธิ์เป็นกรด ส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายอย่างร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน
การประชุมในครั้งนี้ เป็นการขอความร่วมมือผู้ก่อกำเนิดของเสีย (Waste Generator) จำนวน 45 โรงงาน จากระบบการจัดการวัสดุที่ไม่ใช้แล้วทางอิเล็กทรอนิกส์ของ กรอ. เพื่อทำความเข้าใจถึงผลกระทบจากการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมของผู้รับบำบัดกำจัด (Waste Processor) ที่ขาดความรับผิดชอบ และชี้แจงขอบเขตการรับผิดชอบ ตามหลักการ “ผู้ก่อมลพิษต้องเป็นผู้รับผิดชอบ (Polluter Pays Principle: PPP)” ซึ่งเป็นหลักกฎหมายสากลที่กำหนดภาระความรับผิด (Liability) ตั้งแต่ต้นทางโรงงานผู้ก่อกำเนิดไปจนกว่าสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วจะได้รับการจัดการจนเสร็จเรียบร้อย ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2566 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 พร้อมทั้งขอความร่วมมือผู้ก่อกำเนิดของเสียร่วมให้ข้อมูลยืนยันพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ประกอบสำนวนในการดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดอย่างถึงที่สุด
อธิบดีกรมโรงงานฯ กล่าวว่า “กรอ. ยืนยันดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างเข้มงวด ผู้ที่ทำลายภาพลักษณ์และคุณค่าของอุตสาหกรรมให้เกิดความเสียหายจะต้องได้รับการลงโทษ ขอขอบคุณผู้ประกอบกิจการทุกท่านที่ให้ความร่วมมืออันดีระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและหาแนวทางจัดการกับความเสียหายที่เกิดขึ้นร่วมกัน การหารือพูดคุยในวันนี้จึงเป็นความคาดหวังของประชาชนที่จะแก้ไขปัญหาการลักลอบกักเก็บและเททิ้งกากอุตสาหกรรมให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ทางวิชาการอย่างเร็วที่สุดและมีประสิทธิภาพ”
#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #กระทรวงอุตสาหกรรม #DIW #MIND #กากอุตสาหกรรม #โกดังอุทัย #โกดังภาชี #อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา #ของเสียอันตราย #ผู้ก่อกำเนิดของเสีย #WasteGenerator #ผู้รับบำบัดกำจัด #WasteProcessor #Liability #ประกาศกระทรวง