วันที่ 31 มกราคม 2568 เวลา 13.00 น. นายสุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมปฏิบัติการทีมตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่โรงงานรีไซเคิลในตำบลยกกระบัตร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารโกดังเก็บสินค้า 3 หลัง จากทั้งหมด 8 หลัง รวมทั้งบริเวณกองเศษสายไฟและเศษสายไฟบดย่อยแล้ว กว่า 4,000 ตัน เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา เพื่อขยายผลหาข้อเท็จจริงกรณีพบว่าเป็นโรงงานเถื่อน ประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535
จากการลงพื้นที่ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้สำรวจบริเวณโดยรอบเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้ พบซากชิ้นส่วนอุปกรณ์ของเครื่องจักรจำนวนมากที่แสดงถึงการลักลอบรีไซเคิลพลาสติก เช่น เครื่องบดย่อยเศษพลาสติก เครื่องหลอมเม็ดพลาสติก เป็นต้น อีกทั้งตรวจพบวัตถุดิบซากปลอกสายไฟเก่าที่คาดว่าผลิตจากต่างประเทศ โดยจะเร่งพิสูจน์ตรวจสอบหาต้นตอการนำเข้ามาในประเทศไทยต่อไป เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ประเทศไทยห้ามนำเข้าเศษพลาสติกและของที่ใช้ไม่ได้ที่เป็นพลาสติก พิกัดศุลกากรประเภท 39.15 ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2567 (https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/53798.pdf)
การตรวจสอบยังพบเบาะแสเพิ่มเติมว่าอาคารโกดังเก็บสินค้าทั้ง 8 หลังมีเจ้าของให้เช่าคนเดียวกัน ขณะนี้ทราบชื่อแล้ว โดยอาคารโกดังหลังอื่นอีก 5 หลังที่เหลือจากเพลิงไหม้ ก็เป็นการแบ่งเช่าให้ตั้งและประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาครได้ออกคำสั่งตามมาตรา 37 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ให้โรงงานหยุดการประกอบกิจการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป (31 มกราคม 2568) จนกว่าจะมีการขออนุญาตประกอบกิจการให้ถูกต้อง ทั้งนี้ เมื่อยังไม่ปรากฏพยานหลักฐานชัดเจนว่าบุคคลใดเป็นผู้ประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตบนพื้นที่ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ พนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ให้เช่าโกดังซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินก่อน และจะขยายผลถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องตามพยานหลักฐานที่จะมีการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม
นอกจากนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้ขออนุมัติศาลจังหวัดสมุทรสาคร เข้าตรวจค้นพื้นที่โรงงานที่อยู่ในบริเวณข้างเคียง จำนวน 2 แห่ง ตรวจพบว่ามีการประกอบกิจการโรงงานไม่ตรงกับที่ได้รับอนุญาต อีกทั้งมีเศษพลาสติกที่มีลักษณะเดียวกับที่พบในพื้นที่เพลิงไหม้ ประเมินมูลค่าได้กว่า 100 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงเก็บตัวอย่างพลาสติกและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จะบูรณาการความร่วมมือในการตรวจสอบดูแลโรงงานในพื้นที่อื่นๆ ที่อาจกระทำความผิดอย่างเข้มงวดต่อไป
ทั้งนี้ หากพบปัญหาอุตสาหกรรม โรงงานเถื่อน โรงงานที่ทำให้เดือดร้อน สามารถแจ้งเรื่องได้ที่แอปพลิเคชันไลน์ “แจ้งอุต” ภายใต้ Traffy Fondue (https://landing.traffy.in.th?key=gmyeYDBV) แจ้งง่าย ทันใจ โปร่งใส หยุดทุกปัญหาอุตสาหกรรม เพราะพวกเรารับฟังทุกเสียง แก้ไขทุกปัญหา เพื่ออุตสาหกรรมที่ยั่งยืน
สำหรับทีมตรวจสุดซอยในวันนี้ นำโดย นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายพุทธิกรณ์ วิชัยดิษฐ อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ร่วมด้วย นางสาวนวพร สงวนหมู่ ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่กองบริการงานอนุญาตโรงงาน 2 กรมโรงงานอุตสาหกรรม และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สถาบันพลาสติก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #DIW #MIND #กระทรวงอุตสาหกรรม #saveอุตสาหกรรมไทย #saveสิ่งแวดล้อม #ตรวจสุดซอย #ไฟไหม้ #ไฟไหม้โรงงาน #โรงงานเถื่อน #ไฟไหม้สมุทรสาคร