You are currently viewing อุกอาจ!!! กรมโรงงานฯ ปิดคำสั่งให้ “เอกอุทัย อยุธยา” หยุดการประกอบกิจการทั้งหมด แต่กลับตรวจพบลักลอบเททิ้งกากของเสียภายในและภายนอกพื้นที่โรงงานจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2566 เวลา 15.30 น. นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายธีระ แก้วพิมล อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่โรงงานของ บริษัท เอกอุทัย จำกัด (สาขาอุทัย) ณ ตำบลสามบัณฑิต อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อปิดประกาศคำสั่งให้โรงงานหยุดการประกอบกิจการทั้งหมด ตามมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นผลมาจากการติดตามตรวจสอบการปรับปรุงแก้ไขการประกอบกิจการโรงงานโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา

ปิดประกาศคำสั่งให้โรงงานหยุดการประกอบกิจการทั้งหมด ตามมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535
ปิดประกาศคำสั่งให้โรงงานหยุดการประกอบกิจการทั้งหมด ตามมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535

โดยภายหลังจากการปิดประกาศคำสั่งดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้สำรวจพื้นที่บริเวณด้านหน้าโรงงาน พบร่องรอยการเททิ้งของเหลวที่เป็นกากอุตสาหกรรม จึงขอเข้าตรวจสอบพื้นที่ภายในโรงงานพร้อมแสดงบัตรตามกฎหมาย แต่ผู้เฝ้าโรงงานไม่ยินยอมให้เข้าไปโดยเด็ดขาด เจ้าหน้าที่จึงประสานไปยังปลัดอำเภออุทัย เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรอุทัย และเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เพื่อเป็นพยานชี้แจงอำนาจในการเข้าตรวจสอบตามกฎหมาย และร่วมเข้าตรวจสอบภายในโรงงานดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ได้สำรวจพื้นที่บริเวณด้านหน้าโรงงาน พบร่องรอยการเททิ้งของเหลวที่เป็นกากอุตสาหกรรม
เจ้าหน้าที่ได้สำรวจพื้นที่บริเวณด้านหน้าโรงงาน พบร่องรอยการเททิ้งของเหลวที่เป็นกากอุตสาหกรรม

จากการเข้าตรวจสอบอาคารและพื้นที่โดยรอบภายในโรงงาน พบของเหลวมีลักษณะเป็นกรดเข้มข้น ส่งกลิ่นเหม็นฉุนอย่างรุนแรง เป็นลักษณะเททิ้งลงบนพื้นภายในโรงงาน โดยไม่ได้บำบัดกำจัดอย่างถูกวิธี อีกทั้งยังพบร่องรอยการขุดดินเป็นหลุมกว้างและมีการเททิ้งและฝังกลบของเสียภายในพื้นที่โรงงานอีกเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพื้นที่ภายนอกติดกับด้านข้างของโรงงาน ซึ่งเป็นที่ดินเอกชนที่ถูกปิดล้อมด้วยตาข่ายกรองแสง หรือ สแลน (Shading Net) พบการต่อท่อสายยางและท่อพีวีซี (PVC: Polyvinyl chloride) จากบ่อกักเก็บของเหลวภายในโรงงานออกไปเททิ้งพื้นที่ภายนอกโรงงาน ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อพื้นที่เกษตรกรรมข้างเคียง ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน กฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย ประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย

พบของเหลวมีลักษณะเป็นกรดเข้มข้น ส่งกลิ่นเหม็นฉุนอย่างรุนแรง เป็นลักษณะเททิ้งลงบนพื้นภายในโรงงาน โดยไม่ได้บำบัดกำจัดอย่างถูกวิธี
พบของเหลวมีลักษณะเป็นกรดเข้มข้น ส่งกลิ่นเหม็นฉุนอย่างรุนแรง เป็นลักษณะเททิ้งลงบนพื้นภายในโรงงาน โดยไม่ได้บำบัดกำจัดอย่างถูกวิธี

กรมโรงงานอุตสาหกรรม จึงใช้อำนาจตามกฎหมายดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและยึดอายัดกากอุตสาหกรรมและสิ่งของภายในโรงงานทั้งหมด ประกอบด้วย รถยนต์ที่ใช้ในการบรรทุกขนส่งของโรงงาน จำนวน 8 คัน รวมทั้งกากอุตสาหกรรมในภาชนะบรรจุและสิ่งของอื่นๆ ที่อยู่ภายในพื้นที่โรงงานทุกอาคาร พร้อมทั้งปิดประกาศยึดอายึดไว้บริเวณหน้าประตูโรงงาน เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เคลื่อนย้ายวัตถุอันตรายและสิ่งของอื่นๆ ออกนอกพื้นที่

ต่อมา เวลา 19.30 น. กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ลงบันทึกประจำวัน ณ สถานีตำรวจภูธรอุทัยเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ตรวจพบทั้งหมด เพื่อเป็นข้อมูลและหลักฐานในการดำเนินคดีกับโรงงานดังกล่าวตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจนคดีถึงที่สุดต่อไป

ร่องรอยการขุดดินเป็นหลุมกว้างและมีการเททิ้งและฝังกลบของเสียภายในพื้นที่โรงงานอีกเป็นจำนวนมาก
ร่องรอยการขุดดินเป็นหลุมกว้างและมีการเททิ้งและฝังกลบของเสียภายในพื้นที่โรงงานอีกเป็นจำนวนมาก
อาคารและพื้นที่โดยรอบภายในโรงงาน
อาคารและพื้นที่โดยรอบภายในโรงงาน
เกิดความเสียหายอย่างต่อพื้นที่เกษตรกรรมข้างเคียง
เกิดความเสียหายอย่างต่อพื้นที่เกษตรกรรมข้างเคียง
ยึดอายัดกากอุตสาหกรรมและสิ่งของภายในโรงงานทั้งหมด
ยึดอายัดกากอุตสาหกรรมและสิ่งของภายในโรงงานทั้งหมด

#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #DIW #MIND #กระทรวงอุตสาหกรรม #อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา #พระราชบัญญัติโรงงาน #พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย #กฎหมายโรงงาน #กากอุตสาหกรรม #กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #ปทส #เอกอุทัย #บริษัทเอกอุทัยจำกัด