เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 เวลา 11.00 น. นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายธีระ แก้วพิมล อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มเติมเจ้าของที่ดินและผู้เช่า พร้อมยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมประกอบการพิจารณาคดี ณ สถานีตำรวจภูธรภาชี ในข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และข้อหาตั้งโรงงานและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่มีใบอนุญาต ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 จากกรณีตรวจพบการลักลอบกักเก็บและเททิ้งกากอุตสาหกรรมซึ่งจัดเป็นสารเคมีวัตถุอันตรายหลายชนิด ราว 4,000 ตัน ภายในโกดังเก่า จำนวน 5 หลัง ตั้งอยู่ที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้ เพื่อเร่งรัดให้ดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องทั้งหมดโดยเร็วต่อไป
ต่อมาในเวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายธีระ แก้วพิมล อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมด้วย นางสาวอภิสรา เกษอินทร์ นายอำเภอภาชี สาธารณสุขอำเภอภาชี และเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรภาชี ได้รับเรื่องร้องเรียนฉุกเฉินว่าพบการลักลอบและเททิ้งกากอุตสาหกรรมในพื้นที่ใกล้เคียง จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินเอกชนแห่งหนึ่งในตำบลโคกม่วง อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากการตรวจสอบพบว่า เป็นที่ดินเอกชน โฉนด3 งาน 46 ตารางวา ลักษณะพื้นที่มีหญ้าปกคลุมรกร้าง มีบ่อดินต้องสงสัย จำนวน 6 บ่อ ขนาดพื้นที่บ่อรวมประมาณ 120 ตารางเมตร ภายในบ่อมีของเหลวข้นสีดำมีกลิ่นเหม็นสารเคมี นอกจากนี้ บริเวณริมบ่อกักเก็บน้ำใกล้ ๆ กัน ได้ตรวจพบถุงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนขนาดใหญ่หรือบิ๊กแบ็ก (Big Bag) จำนวนมาก ภายในบรรจุของแข็งลักษณะเป็นก้อน และผงสีดำปนเทาและสีน้ำตาล มีกลิ่นสารเคมี
เจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม จึงได้ทำการตรวจวิเคราะห์ของเหลวข้นสีดำที่มีกลิ่นเหม็นสารเคมี พบความเป็นกรด–ด่าง (pH) มีค่า 0-1 สถานะเป็นกรดแก่เข้มข้น เข้าข่ายของเสียเคมีวัตถุโดยจัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 รวมทั้งตรวจวิเคราะห์น้ำในคลองส่งน้ำชลประทานที่อยู่บริเวณใกล้เคียง พบความเป็นกรด–ด่าง (pH) มีค่า 7 สถานะเป็นกลาง อย่างไรก็ดี ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกับกรณีลักลอบเก็บสารเคมีวัตถุอันตรายหลายชนิด ราว 4,000 ตัน ภายในโกดังอำเภอภาชี เนื่องจากพื้นที่อยู่ห่างจากโกดังดังกล่าวเพียง 3 กิโลเมตร
กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงทำการปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในบริเวณดังกล่าว และเก็บตัวอย่างของเหลวข้นสีดำ น้ำในบ่อ ตลอดจนวัตถุต้องสงสัย เพื่อนำไปตรวจวิเคราะห์ทดสอบทางห้องปฏิบัติการ โดยจะใช้ระยะเวลาตรวจวิเคราะห์ประมาณ 14 วัน พร้อมนำข้อมูลเข้าลงบันทึกประจำวันเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงที่ตรวจพบทั้งหมดต่อเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรภาชี และจะเข้าแจ้งความกล่าวโทษกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เพื่อให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป
#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #DIW #MIND #กระทรวงอุตสาหกรรม #อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา #พระราชบัญญัติโรงงาน #พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย #กากอุตสาหกรรม #ของเสียอันตราย #โกดังภาชี